บันทึกครบรอบ 10 ปี ระหว่างแอดมินกับเฟซบุ๊ค ลาก่อย..
หลังจากที่แอดมินนั้น สามารถหักห้ามใจเลิกไถ่เฟซบุ๊คมาได้ครบสี่เดือน จริงๆพักหลังๆก็ไม่ค่อยได้เข้าไปดูเท่าไหร่ บล็อคนี้เลยอยากเอาแนวคิด และแง่มุมต่างๆมาเขียนเพื่อบันทึกประสบการณ์
ก่อนหน้านี้แอดมินก็เป็นเหมือนคนทั่วไปนั่นแหละ คือเป็นค่าเฉลี่ยของคนที่เล่นเฟซบุ๊คเป็นประจำทุกวัน วันละ 2-3 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น คือเมื่อใดว่าง ก็จะหยิบเฟซบุ๊คมาไถ่ ไถ่จนหมด จนเห็นฟีดเก่าที่อ่านแล้ว ค่อยหยุดไปเล่นอย่างอื่น ก่อนที่จะกลับมาไถ่ใหม่อีกครั้ง วนลูปแบบนี้มาหลายปี
ทามไลน์เฟซบุ๊คของแอดมิน
ปี 2020 ครบ 10 ปีตั้งแต่เล่นเฟซบุ๊คมา
ผ่านมาหลายปี แม้จะยังเสพติดการไถ่อ่าน เนื้อหาจากเพจต่างๆอยู่ แต่ต้องยอมรับว่าแอดมินไม่ได้สนุกกับเฟซบุ๊คเท่าเมื่อก่อน ตอนนี้เฟซบุ๊คเป็นเพียงเครื่องมือสำหรับเสพข่าวเท่านั้น
เมื่อคิดได้ดังนี้ การที่เราจะโบกมือลาเฟซบุ๊ค มองหาเครื่องมือตัวใหม่ๆ จึงดูเป็นเรื่องที่น่าลองและท้าทายตัวเราเอง
10 ปี กับกล่องบันทึกความทรงจำ ถึงแม้จะไม่ได้ไถ่มันแล้ว แต่ความรู้สึกเสียดายนั้นไม่มีเลย
เพราะการที่เราเลิกเล่นเฟซบุ๊ค ไม่ได้หมายถึงการลบแอคเค้าท์ หรือลบแอพออกจากมือถือ มันคือการที่เราไม่พยายามหมกหมุ่นกับมัน แบ่งเวลาไปใช้กับสิ่งอื่น ที่เรามองว่าจำเป็นมากกว่า เรายังสามารถไปตอบคอมเม้นเพื่อนที่แท็กชื่อเรามา ไปไถ่ฟีดซักเดือนละครั้ง ไปส่องคนที่เราอยากรู้จักจริงๆ แต่เฟซบุ๊คไม่ได้เป็นแอพ อันดับแรกๆสำหรับแอดมินอีกต่อไป
ฮาวทู ลดและเลิก
ผลกระทบที่ตามมา
ก่อนหน้านี้แอดมินก็เป็นเหมือนคนทั่วไปนั่นแหละ คือเป็นค่าเฉลี่ยของคนที่เล่นเฟซบุ๊คเป็นประจำทุกวัน วันละ 2-3 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น คือเมื่อใดว่าง ก็จะหยิบเฟซบุ๊คมาไถ่ ไถ่จนหมด จนเห็นฟีดเก่าที่อ่านแล้ว ค่อยหยุดไปเล่นอย่างอื่น ก่อนที่จะกลับมาไถ่ใหม่อีกครั้ง วนลูปแบบนี้มาหลายปี
ทามไลน์เฟซบุ๊คของแอดมิน
- 2010 : เริ่มเล่นเฟซบุ๊คครั้งแรกสมัยมหาลัย เห็นเพื่อนเล่นกัน ก็เล่นตามบ้าง ซึ่งตอนแรกยังไม่รู้เลยว่า จะเล่นไปเพื่ออะไร ไม่รู้จะโพสอะไร เพื่อนก็ไม่มีซักคน
- หลังจากเล่นมาซักพัก ก็เริ่มจะเก็ตล่ะว่าเฟซบุ๊คนั้น เป็นสังคมออนไลน์ ที่ทำให้เราได้พบปะ พูดคุยกับเพื่อน ทั้งปัจจุบัน และเพื่อนเก่า ยุคนี้ความสนุกของมันคือ การโพสคุยผ่านหน้าวอร์ ผ่านคอมเม้น และการไล่แอดเพื่อนที่รู้จัก ผ่านเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนของเพื่อน แม้กระนั้นเอง เพื่อนของแอดมินในเฟซบุ๊คก็ยังมีไม่เกินร้อยอยู่ดี
- ยุคถัดมาของแอดมินคือ ยุคของการโพสมุกตลก คำคม และแชร์เพลง นี่ถือเป็นการเปิดประเด็ดทางสังคม เพื่อให้เราได้มีหัวข้อในการพูดคุยกับเพื่อนๆ ในแต่ละวัน หรือบางครั้งเฟซบุ๊คอาจกลายเป็น Twitter ที่ไม่มีคนติดตาม คือการโพสอะไรลอยๆ ไร้สาระก็ได้ บางโพสก็คุยกับตัวฉันเองอีกคน นึกดูก็ตลกดี
- เกมเฟซบุ๊คครองเมือง ไม่ว่าจะเป็น แฮปปี้คนเลี้ยงหมู เกมไพ่ เกมเพชร หรือจะเป็นเกมพวก คุณเป็นตัวละครไหนในการ์ตูนวันพีซ จนครั้งนึงปัญหาโนติเกมเยอะเกินไป กลายเป็นหัวข้อระดับชาติ
- ต่อมาเมื่อเฟซบุ๊คเปิดให้สร้างเพจได้ โลกของแอดมินจึงก้าวเข้าสู่ ยุคของการเสพติดเพจ อย่าง 9GAG, สมาคมมุกเสี่ยวๆ เพจเฟล (ที่มีโลโก้เป็นเป็ดเหลือง) และอื่นๆ ยุคนั้นเพจดังๆส่วนใหญ่ มักสร้างขึ้นจาก คอนเทนท์ของคนทั่วไปที่ส่งมานี่แหละ
- หลังจากนั้น ก็น่าจะเป็น ยุคการสร้างรายได้จากเพจ จนมาถึงปัจจุบัน ยุคของวีดีโอ การไลฟ์ และสตอรี่
ปี 2020 ครบ 10 ปีตั้งแต่เล่นเฟซบุ๊คมา
ผ่านมาหลายปี แม้จะยังเสพติดการไถ่อ่าน เนื้อหาจากเพจต่างๆอยู่ แต่ต้องยอมรับว่าแอดมินไม่ได้สนุกกับเฟซบุ๊คเท่าเมื่อก่อน ตอนนี้เฟซบุ๊คเป็นเพียงเครื่องมือสำหรับเสพข่าวเท่านั้น
เมื่อคิดได้ดังนี้ การที่เราจะโบกมือลาเฟซบุ๊ค มองหาเครื่องมือตัวใหม่ๆ จึงดูเป็นเรื่องที่น่าลองและท้าทายตัวเราเอง
10 ปี กับกล่องบันทึกความทรงจำ ถึงแม้จะไม่ได้ไถ่มันแล้ว แต่ความรู้สึกเสียดายนั้นไม่มีเลย
เพราะการที่เราเลิกเล่นเฟซบุ๊ค ไม่ได้หมายถึงการลบแอคเค้าท์ หรือลบแอพออกจากมือถือ มันคือการที่เราไม่พยายามหมกหมุ่นกับมัน แบ่งเวลาไปใช้กับสิ่งอื่น ที่เรามองว่าจำเป็นมากกว่า เรายังสามารถไปตอบคอมเม้นเพื่อนที่แท็กชื่อเรามา ไปไถ่ฟีดซักเดือนละครั้ง ไปส่องคนที่เราอยากรู้จักจริงๆ แต่เฟซบุ๊คไม่ได้เป็นแอพ อันดับแรกๆสำหรับแอดมินอีกต่อไป
เหตุผลที่เฟซบุ๊คไม่สนุกแล้ว สำหรับแอดมิน
- จากไดอารี่ สู่สิ่งที่เอาไว้บุ๊คมาร์ค ช่วงแรกๆของเฟซบุ๊คสำหรับแอดมิน คือไดอารี่ที่ใช้จัดเก็บความทรงจำ เรื่องราวที่ได้เจอ ต่อมา เมื่อกรอบของสังคมมันกว้างขึ้น โตขึ้น มีอะไรให้เรียนรู้มากมาย มีเพจต่างๆที่คอยดึงความสนใจของเรา เราไม่จำเป็นต้องโพสอะไรอีกแล้ว เราแค่กดแชร์สิ่งที่ชอบ มันง่ายมาก ง่ายจนติดเป็นนิสัย จนตอนนี้ทามไลน์ของใครหลายคน มีแต่การแชร์ มันทำให้ความคลาสสิคของการส่องเฟซบุ๊คหมดไป ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราอาจจะได้เจอทามไลน์ที่เป็นตัวตนของคนๆนั้นจริงๆ ซึ่งเสน่ห์ตรงนั้นมันไม่มีแล้ว
- ฟีดเฟซบุ๊คของแอดมิน มีแต่เรื่อง ที่ไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ ไม่แน่ใจว่าของคนอื่นเป็นเหมือนกันไหม แต่สำหรับฟีดของแอดมิน มันมีแต่เรื่องดราม่าเป็นส่วนใหญ่ ถามว่าอยากเสือกไหม.. ตอบเลยว่ามาก แต่พอลองมาคิดดูแล้ว ต่อให้เราไม่ตามเพจใดๆเลย เพื่อนของเราก็แชร์ข่าวที่เราไม่จำเป็นต้องรู้ มาอยู่ดี ข่าวพวกนี้คือ 80% ของข่าวทั้งหมดในเฟซบุ๊ค ไม่เชื่อก็ลองไถ่ฟีด แล้วนับโพสที่คุณคิดว่ามีประโยชน์กับตัวคุณเอง เปรียบเทียบกับโพสที่แค่อ่านเอาสนุก
- โฆษณาเยอะ และชวนให้เสียตังค์ มันเป็นเหมือนการสะกดจิต เช่น แม้แอดมินตัดสินใจไม่ซื้อคอนโดแล้ว แต่ทุกครั้งที่โฆษณาคอนโดผ่านตา ก็กดเข้าไปดูตลอด
- ไม่อินกับสตอรี่ ฟีเจอร์อย่างสตอรี่ที่เล่นกันทั่วบ้านทั่วเมือง กลับไม่ใช่อะไรที่แอดมินชอบเลย ถ้าไปดูสตอรี่ของคนอื่นก็เพลินดีอยู่หรอก แต่แอดมินไม่ถ่ายเองแน่นอน เพราะไม่รู้จะถ่ายไปทำไม เดี๋ยวมันก็หายไปไม่ใช่หรอ เหมือนถ้าเราต้องอ่านหนังสือ แต่พอเที่ยงคืนจะโดนลบความทรงจำ ถามว่าพรุ่งนี้ยังอยากตื่นขึ้นมาอ่านหนังสืออีกไหม? ทำไมเราต้องทำอะไรที่ไม่มีความหมายแบบนั้นด้วย
- หมดแพสชั่นในการเล่น อย่างที่บอกไปตอนแรก ถ้าเฟซบุ๊คเป็นแค่เครื่องมือสำหรับอ่านการคอนเทนต์ และความเห็นของเพื่อนก็ไม่สำคัญกับเรา มันยังมีแอพพลิเคชั่นอีกมากมาย ที่ตอบโจทย์การอ่านมากกว่า แต่สำหรับคนที่ขาดเพื่อนบนเฟซบุ๊คไม่ได้ ยินดีด้วย.. คุณยังมีแพสชั่นในการเล่นเฟซบุ๊คต่อไป..
ฮาวทู ลดและเลิก
- สำหรับแอดมิน แค่เอาเฟซบุ๊คออกจากหน้าหลัก ซ่อนมันไว้ในโฟลเดอร์ลับๆ แรกๆ อาจยังพยายามกดเข้าไป แต่พอนานเข้า เราเลือกที่จะเล่นแอพที่อยู่หน้าหลักมากกว่า
- คนที่อยากเลิกเฟซบุ๊คจริงๆนั้น ต้องมีแนวคิดนึงที่สำคัญคือ คุณต้องเป็นคนที่ไม่ชอบแบ่งปันเรื่องราว เพราะถ้าคุณเป็นคนประเภทตรงข้าม คุณไม่มีทางตัดขาดจาดโซเซียลมีเดียได้
- ตอนนี้ผมบันทึกเรื่องราวต่างๆผ่านแอพเขียนไดอารี่ แม้แอพจะมีฟีเจอร์เปิดเป็นสาธารณะได้ ก็พึงระลึกไว้ว่า ไดอารี่คือของส่วนตัว เอาไว้อ่านคนเดียวก็ได้
- หากการแบ่งปันเรื่องราวคือตัวตนของคุณ แนะนำให้เปิดเพจ โพสทุกอย่างลงบนเพจเท่านั้น มันมีแอพอีกตัวของเฟซบุ๊ค ที่ใช้จัดการเพจล้วนๆ ชื่อว่า Pages Manager
- หาอะไรทำ นี่คือคีย์ของการเลิกอะไรสักอย่าง ลองหาอะไรมาทดแทนสิ่งเดิม โดยที่สิ่งใหม่อาจเป็นเรื่องที่ดีกว่า หรือถ้าลองแล้วไม่เวิร์ค การกลับไปเล่นเฟซบุ๊คตามเดิม ก็ไม่ผิดอะไร อย่างน้อยก็ได้ลอง..
ผลกระทบที่ตามมา
- แน่นอนว่า อาจจะมีตามข่าวเพื่อนไม่ทันบ้าง เช่น บางคนมีแฟนใหม่ บางคนกำลังจะแต่งงาน แต่สุดท้ายแล้ว ถ้าเป็นเรื่องที่เราจำเป็นต้องรู้ เดี๋ยวเราก็รู้เอง
- เวลาที่น้องๆที่ทำงาน คุยเรื่องประเด็นร้อน เรื่องดราม่า เอาตรงๆพอเลิกเฟซบุ๊ค แอดมินก็ตามไม่ทันเลย แต่จุดประสงค์ของเราที่เลิกเล่นเฟซบุ๊คก็เพราะเรื่องนี้ ก็เลยถือว่าเป็นข้อดีก็ได้มั้ง
- ส่วนข่าวสารบ้านเมือง ตามเอาจจากทวิตเตอร์ ไวกว่า แถมยังเลือกเสพตามแฮชแท็กได้ง่ายกว่าอีกด้วย
- สุดท้ายคือ ได้เวลาเพิ่มมากขึ้น
ไม่เล่นเฟซบุ๊คแล้วจะเล่นอะไร..
- อยากโพสอะไรรัวๆ แล้วไม่มีใครมาด่า อยากอ่านอะไรที่มันรวดเร็ว ฉับไว ไม่ต้องแคร์อะไรทั้งนั้น แอดมินจะเลือกเล่น <Twitter> @Algobaleno
- อยากเสพคอนเทนต์คุณภาพ อ่าน <Blockdit> @outside
- โพสรูป <Instagram> @directorysc
- อยากทำเพจเฟซบุ๊ค <Pages Manager>
- หลักๆก็เท่านี้ แต่ถ้ามีเวลาเหลือเอาไปลงที่ <Netflix> จ้าาา
อ่อ เกือบลืม ถึงจะไม่ได้เล่นเฟซบุ๊ค แต่ก็คุยกับเพื่อนผ่าน Messenger อยู่นะ แล้วที่ตั้งใจไม่ลบเฟซบุ๊ค ก็เพราะอยากให้เฟซบุ๊คเป็นตัวล็อกอินหลักของทุกแอพที่แอดมินใช้ นอกจากนี้ถ้าเฟซบุ๊คมีอะไรใหม่น่าสนใจ อาจกลับไปเล่นก็ได้..